อันที่จริงผู้หญิงเติบโตขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เปลือยเปล่าอันแสนธรรมชาติ แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งอาจเป็นสัญชาตญาณในแบบฉบับความเป็นผู้หญิงเริ่มฉายแวว หรือการรับรู้แลเห็นจากสภาพแวดล้อมและผู้คนรอบข้าง นั่นล่ะ! คือจุดเริ่มต้นทั้งหมดของการอยากไปช้อปของใหม่ที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง เรียวปากเดียวแต่มีลิปสติกในสต๊อกเป็นร้อยๆ รอให้ใช้ ฯลฯ
วันนี้จะไม่มาลงดีเทลเกี่ยวกับการแต่งหน้าให้แน่ เพราะประเด็นที่อยากนำมาแชร์ให้ผู้หญิงตกใจและควรต้องหันมาใส่ใจของใช้ใกล้ตัวกันมากขึ้น นั่นก็คือลิปหรือลิปสติกที่เราทากันอยู่ทุกวันต่างหากล่ะคะ โดยเฉพาะลงลึกเรื่องส่วนผสมที่ก่อรูปผลิตขึ้นเป็นลิปสติกสีสวยนั้นได้มาจากไหน เป็นมาอย่างไร อันตรายไหม แล้วถ้าเราเริ่มเป็นห่วงเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลิปแบบไหนดี…เอาเป็นว่าทุกคำถามที่กำลังวิ่งวนชวนกังวลจะมาเริ่มคลี่คลายไปพร้อมกันตอนนี้
กว่าจะเป็นลิปสติกต้องผ่านอะไรมาบ้าง: แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเหล่าลิปสติกที่มีอยู่โดยทั่วไป ส่วนผสมในนั้นมีอะไรบ้างน๊า เช่น
- Petrolatum หรือ “ปิโตรเลียมเจลลี่” (Petroleum Jelly) สารนี้อาจทำให้อวัยวะในร่างกายของเราเป็นพิษได้ และบางทีก็อาจถูกผสมกับสาร PAHS หรือ Polycyclic Aromatic Hydrocarbons ซึ่งเป็นสารอันตรายเช่นกัน
- สารปรอท ที่ก่อให้เกิดผิวระคายเคืองสูง และยังเป็นผลเสียกับร่างกายด้วย นั่นก็คือ ส่งผลต่อระบบประสาท และลดการทำงานของไต เป็นสาเหตุของร่างกายอ่อนล้า และสูญเสียความทรงจำได้
- ตะกั่ว เป็นอันตรายต่อผู้หญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และมีส่วนทำให้ซึมเศร้าได้ด้วย
- สารหนู เสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพราะปัสสาวะ ตับ และปอด และยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลเสียต่อหัวใจ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เบาหวาน และระบบการทำงานของกระเพาะและลำไส้
- แคดเมียม เป็นสารก่อมะเร็งที่จะส่งผลต่อกระดูกและการทำงานของไต
- แมงกานีส ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
ข้อควรระวังใช้เตือนตัวเอง:
แพ้แล้วต้องหยุด ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่เราว่าชีวิตนี้ต้องมีข้อยกเว้นบ้างนะคะ ก็ครั้งนี้แหละที่อยากให้ยอม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะแฮบปี้กับการทาลิปสติก คนที่แพ้ก็มีเยอะมากด้วย แพ้สารแต่งสีในลิปสติก รวมถึงสารสังเคราะห์อื่นๆ ที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาการก็คือริมฝีปากแห้งเป็นขุย ลอก คัน บวมแดง ริมฝีปากมีสีดำ บางรายเป็นตุ่มพอง อักเสบ ทีนี้พอรู้ว่าตัวเองแพ้แน่แล้ว ขอให้หยุดเลย จะให้ดีไปหาคุณหมดตรวจเช็คเพื่อความมั่นใจและปลอดภัยด้วยนะคะ
สีลิปเปลี่ยน ทิ้งไปเถอะ อาจะเป็นเพราะซื้อมานานจนลืมใช้ ของดีๆ ก็มีวันหมดอายุเป็นเหมือนกัน หรือไม่คุณก็เก็บไว้แล้วนำไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่เปิดรับขอบริจาคเครื่องสำอางหมดอายุไปทำประโยชน์ต่อไป หรือเพื่อนำไปใช้แต่งหน้าศพ เพราะเดี๋ยวนี้ก็เริ่มเห็นหลายๆ เพจมีแจ้งข่าว
ทาบ่อยไปก็ไม่ดี พักบ้างน่าจะดีกว่า มีงานวิจัยบอกว่าคนที่ชอบทาลิปสติกบ่อยๆ ก็อาจจะมีสารในลิปสติกเข้าสู่ร่างกายได้มากถึง 87 มิลลิกรัมต่อวันทีเดียว ซึ่งถ้าเป็นสารที่ไม่ทำอันตรายใดๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน เผื่อว่าเป็นลิปสติกคุณภาพต่ำที่มีสารพิษผสมอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ นี่สิ! กลัว
ลิปสีเข้มเสี่ยงกว่าสีอ่อน ข้อนี้พอเข้าใจได้ เพราะเท่าที่ตาเห็นลิปสติกสีเข้มสด หรือสีที่แปลกๆ ในส่วนตัวเราเองก็แอบมีเกรงๆ ปนความสะพรึงใจอยู่เหมือนกัน ยืนยันกันไปด้วยงานวิจัยที่ว่าลิปสติกที่มีสีเข้มกว่ามีแนวโน้มที่จะมีสารที่เป็นพิษเจือปนอยู่มากชนิดกว่าและในปริมาณที่เข้มข้นกว่าลิปสติกที่สีอ่อนจาง ความเข้มข้นสูงดังกล่าวเกิดจากการเพิ่มเม็ดสีที่ปนเปื้อนเข้าไปมากนั่นเอง ความแตกต่างของระดับความเข้มข้นในการปนเปื้อนโลหะที่มีตั้งแต่มากไปหาน้อยขึ้นอยู่กับแบรนด์และสี ดังนั้นควรเลือกซื้อลิปสติกที่เป็นแบรนด์คุณภาพอย่างแท้จริง พร้อมผ่านการรับรองจากองค์กรที่มีความใส่ใจต่อสุขภาพ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่เล็งเห็นความเป็นธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญ
ว่าด้วยเหตุแห่งปากแห้งที่เคยเจอกันมา:
สภาพอากาศ หนาวเย็น มีลมพัดและแห้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเกิดขึ้นได้แม้อยู่ในสภาพอากาศปกติหรือร้อน รวมไปถึงการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไปก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปากแห้งมากขึ้นได้
การเลียริมฝีปาก บางคนชอบเลียริมฝีปากตนเองจนเป็นนิสัย หรือเลียริมฝีปากเวลาปากแห้ง พฤติกรรมนี้จะทำให้ปากแห้งยิ่งขึ้น เพราะน้ำลายจะดึงเอาความชุ่มชื้นจากริมฝีปากและทำให้ปากแห้งลง
ดื่มน้ำน้อย หรือภาวะขาดน้ำ ทำให้เกิดอาการได้หลากหลาย เช่น วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ท้องผูก รวมไปถึงปากแห้ง เพราะปกติร่างกายต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย
ภาวะขาดสารอาหาร อาการที่มาจากการขาดสารอาหารนั้นเหมือนกันกับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดน้ำ รวมไปถึงปากแห้ง แต่การขาดสารอาหารก่อให้เกิดอาการอื่น ๆ ได้อีก เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง กระดูกเปราะ ฟันผุ หรือท้องอืด นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำและภาวะขาดสารอาหารมีแนวโน้มปากจะแห้งได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่อยู่ในภาวะขาดน้ำ
การรับประทานอาหาร หรือสัมผัสกับอาหารบางชนิด บางคนจะมีความไวต่อส่วนผสมในอาหารบางชนิด หรือหากริมฝีปากต้องสัมผัสกับอาหาร เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม มะม่วง และอบเชย ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบได้
การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น ลิปบาล์ม ลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือครีมกันแดด ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีส่วนผสมที่ระคายเคืองต่อริมฝีปากได้
การใช้ยารักษาโรคหรืออาหารเสริมบางชนิด การใช้ยารักษาโรคหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจทำให้บางคนปากแห้งได้ เช่น วิตามิน เอ เรตินอยด์ (Retinoids) ยาลิเทียม (Lithium) หรือยาเคมีบำบัด
โรคเรื้อรังหรือภาวะทางผิวหนัง โรคเรื้อรังหรือภาวะทางผิวหนังบางชนิด อาจส่งผลให้ปากแห้ง แตก หรือระคายเคืองได้ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคไลเคนพลานัส (Lichen Planus) โรคพุ่มพวงหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Lupus Erythematosus) โรคโครห์น (Crohn’s Disease) หรือซาร์คอยโดซิส (Sarcoidosis)
เลือกหาผลิตภัณฑ์ลิป ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และปลอดภัย:
เล่าให้ฟังกันมาถึงตรงนี้ ถ้าไม่ยอมบอกว่าต้องเลือกต้องหาผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ใดมาใช้ดี เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิต ปัจจุบันนี้ได้มีแบรนด์เครื่องสำอางที่มีความดูแลใส่ใจความปลอดภัยของผู้ใช้อย่างมาก ด้วยการยึดมั่นในแนวทางสร้างสรรค์ที่เน้นย้ำ สนับสนุน ส่งเสริม ให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นออร์แกนิคและธรรมชาติสูงสุด ถึงแม้อาจจะเริ่มมีให้เห็นกันบ้าง แต่เราก็ไม่รู้นะว่าคุณเองกำลังสนใจหรือมีใจให้แบรนด์ไหนอยู่ แต่ถ้าเป็นเราที่เป็นคนอยู่ในแวดวงบิวตี้มานานพอตัว ตอนนี้ย่อมมีแบรนด์ในใจอย่างแน่นอน และมั่นใจในแบรนด์นี้มากเช่นกัน
เบิร์ตส์ บีส์ (Burt’s Bees) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากส่วนผสมธรรมชาติ เพื่อการบำรุงผิวอันดับหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา Burt’s Bees เคร่งครัดในทุกขั้นตอนการผลิตเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและผืนป่าที่เปรียบเสมือนปอดขนาดใหญ่ของทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น
-เลือกใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเท่านั้น
-ทุกบรรจุภัณฑ์ออกแบบให้พอดีกับปริมาณ ลดการใช้วัสดุฟุ่มเฟือย
-หมึกพิมพ์จาก ‘พืช’ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างการย่อยสลาย
สำหรับในเรื่องที่เกี่ยวกับส่วนผสมที่เขานำมาผลิตเป็นสินค้าที่มีให้เลือกอย่างมากมาย ต้องยอมรับว่าทางแบรนด์ Burt’s Bees ได้ใจแฟนคลับทั่วโลกไปเลยค่ะ นั่นเพราะด้วยการคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติและความปลอดภัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก
-ส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ 100 %
– ปราศจากสารปิโตรเคมีและสารสังเคราะห์ต่าง ๆ อาทิ ธาเลตส์ (Phthalates) สารทำละลายที่ช่วยให้ผสมละลายกับน้ำได้ดี, พาราเบนส์ (Parabens) สารกันเสียที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเวชสำอาง, ปิโตรลาทั่ม (Petrolatum) น้ำมันบริสุทธิ์ที่ผ่านการสกัดมาจากน้ำมันปิโตรเลียม มีโมเลกุลใหญ่ที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันต่อผิว, โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate) สารทำให้เกิดฟอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว และอาจเกี่ยวเนื่องกับสารก่อมะเร็ง รวมทั้งไม่มีการทดลองในสัตว์อีกด้วย