8 ประโยชน์ของทุเรียนยืนยัน ราชันแห่งผลไม้ไม่ใช่แค่ทำให้อ้วนและเป็นร้อนใน

‘ทุเรียน’ ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบ แม้แต่คนที่อยากผอมก็ยากจะหักห้ามใจ ทุเรียนเป็นผลไม้เมืองร้อนที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ถึงขนาดที่ทีมนักวิจัยของ USDA (United States Department of Agriculture) แห่งสหรัฐอเมริกา ถึงกับทำการศึกษาวิจัยจนค้นพบ 8 คุณประโยชน์ที่ทุเรียนมีต่อสุขภาพ

ผลไม้สีเหลือง รสหวาน กลิ่น (หอม) แรงนี้ มีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้พลังงาน และสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังมีความสามารถในการช่วยรับมือกับโรคเบาหวาน ลดการอักเสบของข้อต่อ บรรเทาอาการปวดศีรษะ และอาจช่วยลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และคลายเครียดได้ด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน

งานวิจัยของ USDA ระบุว่า ทุเรียนมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี กรดโฟลิก ไทอามิน ไรโบฟลาวิน ไนอาซินบี 6 และวิตามินเอ รวมถึงแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีน้ำและสารอาหาร เช่น ไฟโตนิวเทรียนท์ โปรตีน และไขมัน โดยนักวิทยาศาสตร์ของ USDA ได้ทำการสรุปประโยชน์ของทุเรียนไว้ ดังนี้

Thai sweet sticky rice with durian in a dessert.
  • ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร

งานวิจัยในวารสาร Bioinformation โดย Dr.Nurul Arneida Husin จาก Asian Institute of Medical, Science, and Technology ประเทศมาเลเซีย ระบุว่า การรับประทานทุเรียนเป็นประจำสามารถช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร เพราะทุเรียนมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานตามปกติของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร

เส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น ไฟเบอร์ยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวและการหลั่งของน้ำย่อย ช่วยลดสภาวะต่าง ๆ เช่น อาการท้องผูก ท้องอืด การอุดตันในลำไส้ ตะคริวท้อง และอาหารไม่ย่อย

  • ช่วยบำรุงหัวใจ

การศึกษาเดียวกันในปี 2018 บอกเพิ่มเติมว่า ทุเรียนสามารถรวมอยู่ในผลไม้ที่เป็นมิตรต่อหัวใจ เพราะเส้นใย (ไฟเบอร์) จะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด พร้อมช่วยลด LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) ออกจากร่างกายแล้วขับออกมาในรูปแบบของเสียต่าง ๆ ก่อนที่มันจะสะสมตัวในร่างกายแล้วสร้างความเสียหายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • ช่วยลดความดันโลหิต

ผลการศึกษาในปี 2015 เรื่อง “ผลของการบริโภคทุเรียนต่อความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจในบุคคลที่มีสุขภาพดี” (Effects of Durian Intake on Blood Pressure and Heart Rate in Healthy Individuals) พบว่า ทุเรียนมีส่วนช่วยลดความดันโลหิต และยังเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจอีกด้วย

ทุเรียนอุดมด้วยโพแทสเซียม แร่ธาตุอิเล็กโทรไลต์ที่มีส่วนในการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น เซลล์ประสาทและเซลล์กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลของเกลือและของเหลวในเซลล์ของร่างกาย อีกทั้งปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายยังเป็นตัวกำหนดความดันโลหิตอีกด้วย

เมื่อร่างกายมีปริมาณโพแทสเซียมเพียงพอ (3.6-5.2 มิลิโมล / ลิตร) จะช่วยให้การทำงานของหัวใจและหลอดเลือดมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสในการเกิดภาวะต่าง ๆ เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ทั้งยังช่วยให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้อย่างดี จากการศึกษาพบว่า โพแทสเซียมสามารถช่วยเพิ่มการทำงานของระบบความรู้ ความเข้าใจ และความจำ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อม

  • ช่วยชะลอวัย ให้ร่างกายและผิวพรรณอ่อนเยาว์

ในตำราแพทย์สมัยโบราณ ‘ทุเรียน’ ได้รับยกย่องว่าเป็นผลไม้แห่งความอ่อนเยาว์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ผู้คนเรียกมันว่า ‘ราชาแห่งผลไม้’ ทุเรียนมีคุณสมบัติเด่นในการต้านอนุมูลอิสระ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารเคมีตามธรรมชาติที่ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ตัวการที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ การรับประทานทุเรียนจึงช่วยลดสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ จอประสาทตาเสื่อม ผมร่วง ฟันหลุดข้ออักเสบ โรคหัวใจ ฯลฯ

  • บรรเทาอาการนอนไม่หลับ

การศึกษาวิจัยจากวารสาร Medicine พบว่า ทริปโตเฟน (กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้) ซึ่งสมองสามารถนำไปใช้เมื่อรวมกับวิตามินบี 3 วิตามินบี 6 และแมกนีเซียม ในการไปสร้างสาร ‘เซโรโทนิน’ (Serotonin) หรือสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนอนหลับของร่างกาย

เมื่อทริปโตเฟนเข้าสู่สมองจะถูกเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น เซโรโทนินส่วนเกินจะปล่อยเมลาโทนินเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายรู้สึกเพลียและนอนหลับในที่สุด

  • ช่วยรับมืออาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

การศึกษาวิจัยหลายชิ้นยกย่องว่า ทุเรียนทำหน้าที่เป็น ‘ยาโป๊ว’ ชั้นเลิศ หนึ่งในงานวิจัยของ Cyberjaya University College of Medical Sciences ประเทศมาเลเซีย ได้ทำการศึกษาผลกระทบของผลไม้ที่มีต่อความผิดปกติของภาวะเจริญพันธุ์ พบว่า ทุเรียนสามารถช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ เสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย ช่วยเพิ่มปริมาณอสุจิ และทำให้อึดขึ้น

  • บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

ทุเรียนอุดมด้วยแมกนีเซียม โพแทสเซียม แมงกานีส และทองแดง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกให้แข็งแรง โพแทสเซียมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารของเซลล์ จึงเพิ่มแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์มากมายที่ร่างกายต้องการ ขณะเดียวกันก็ทำให้มวลกระดูกแข็งแรงขึ้น อีกทั้งแร่ธาตุที่จำเป็นเหล่านี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนอีกด้วย

  • รักษาภาวะโลหิตจาง

ทุเรียนมีแร่ธาตุหลายชนิดรวมทั้งมีกรดโฟลิกสูง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง (RBC) นอกจากนี้ ทุเรียนยังอุดมด้วยธาตุเหล็กและทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง เมื่อการผลิต RBC กลับมาเป็นปกติ ภาวะโลหิตจางอาจลดน้อยลง รวมถึงอาหารไม่ย่อย ไมเกรน ความเหนื่อยล้ าความวิตกกังวล และความผิดปกติของสมอง

คำเตือน: แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่อย่าลืมว่าทุเรียนมีไขมันสูงกว่าผลไม้ทั่วไปประมาณ 3 เท่า ถึงไขมันในทุเรียนเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักและมีภาวะโรคอ้วน เราแนะนำให้จำกัดปริมาณการรับประทานทุเรียนจะดีกว่า

Cr: https://www.organicfacts.net/