เทรนด์ใหม่ออกมายั่วทีไร สายแฟชั่นนิสต้าเป็นอดเผลอใจไม่ได้ เพราะเรื่องครอบครองเป็นเจ้าของไอเท็มใหม่ๆ นั้นมีอยู่ในสายเลือด แต่รู้ไหมว่าผลพลอยได้ที่ไม่มีใครอยากได้ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าชุดสวยนำแฟชั่น คือการปะปนของสารเคมีอันตรายซึ่งมีอยู่ในกระบวนการฟอกย้อมของโรงงานอุตสาหกรรม และปนเปื้อนออกมากับน้ำเสียจนส่งผลกระทบกับแหล่งน้ำและแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิต ด้วยเทคโนโลยีที่ท้ายที่สุดแล้วหวนกลับทำร้ายโลกที่ตนอาศัยอยู่เสียเอง
วงการเสื้อผ้าสิ่งทอเองก็ตระหนักถึงข้อนี้กันไม่น้อย ทำให้ระยะหลังนี้เราเห็นโลคัลแบรนด์ที่ทำกันเล็กๆ เป็นอุตสาหกรรมภายในครอบครัวไปจนถึงชุมชน สร้างสรรค์โปรดักต์ที่พึ่งพิงธรรมชาติเกิดขึ้นมาหลายต่อหลายแบรนด์ และมักพบเห็นได้ในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก หรือร้านที่เน้นงานคราฟต์ รวมถึงแบรนด์เปิดหน้าร้านออนไลน์เองก็มี ซึ่งได้รับความนิยมมากในกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และในความที่เป็นคราฟต์แบรนด์นั้น ก็ยูนีคไปอีกแบบด้วยเหมือนกัน
เสื้อผ้าเหล่านี้นอกจากจะเน้นการทอด้วยเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินิน เพราะใยสังเคราะห์จะย้อมได้ไม่ดีเท่า ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องการนำวัตถุดิบธรรมชาติมาเป็นสีในการย้อมผ้านั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะเป็นวิถีการดำรงชีวิตที่เกี่ยวพันกับมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
เชื่อว่า สีคราม ของต้นห้อมในภาคเหนือ กับสีครามของต้นครามในภาคอีสาน น่าจะเป็นสีที่เราคุ้นเคยกันที่สุด เพราะมีการย้อมมาต่อเนื่องยาวนาน แต่หากได้มีโอกาสไปเยือนงานสินค้าออร์แกนิก งานคราฟต์ ที่มักมีงานผ้าย้อมธรรมชาติมาวางจำหน่าย เราจะเห็นว่าเดี๋ยวนี้มีสีสันของงานย้อมธรรมชาติที่หลากหลายขึ้น แล้วเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า สีเหล่านั้นมีต้นทางจากไหน
‘เฉดสีแดง ชมพู’ เฉดสีนี้หากเป็นสีจากงานย้อมธรรมชาติจะไม่ใช่สีสดแช้ดเหมือนการย้อมเคมี เพราะความเข้มอ่อนของสีก็ขึ้นกับกระบวนการย้อมว่ามีการใช้วัตถุดิบมากน้อยแค่ไหน วัตถุดิบที่ใช้ในการให้สีโทนแดงนี้ มาจากตัวครั่งและรังครั่ง ซึ่งครั่งนี้เป็นแมลงสีแดงจำพวกเพลี้ย มีขนาดเล็กมาก อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ กับอีกวัตถุดิบสีแดงที่นิยมคือฝาง ไม้ยืนต้นที่มีสรรพคุณทางสมุนไพร ซึ่งสามารถนำแก่นฝางมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยบำรุงโลหิต ฝางถูกนำมาใช้ในการย้อมผ้าแก่นฝางเช่นกัน
‘สีดำ สีเทา’ สีพื้นฐานและยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน เกิดจากการนำผลมะเกลือที่แก่จัดเป็นสีเขียวเข้มจนถึงผลสีดำมาตำให้ละเอียดแล้วกรองเอาน้ำมาย้อม เป็นศาสตร์ที่ทำกันมาแต่โบร่ำโบราณทั้งชาวไทยชาวจีน ความมหัศจรรย์ของมะเกลือคือหากใช้ผลมะเกลือที่ยังเป็นสีเขียวเมื่อตำแล้วกรองน้ำออกมาจะได้น้ำสีเหลือง เมื่อตากให้แห้งผ้าจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อย้อมแล้วตากซ้ำแบบเดิมสัก 5-6 ครั้ง ผ้าจะกลายเป็นสีดำ แต่หากอยากได้สีเทาตั้งแต่ครั้งแรก เขาจะใช้ผลมะเกลือสีดำมาบดละเอียด เพื่อให้ได้น้ำสีดำมาย้อมเลย ถ้าย้อมซ้ำสัก 3 ครั้ง ผ้าก็จะดำยิ่งขึ้น
‘สีเหลือง’ ไม่ใช่แค่เพียงเป็นดอกไม้ประดับและดอกไม้บูชาตามคตินิยม แต่ดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ และทำกันอย่างแพร่หลาย โดยจะใช้ดาวเรืองที่เด็ดจากต้น มาดึงกลีบแล้วนำไปต้มจนได้น้ำสีเหลือง ก่อนเข้ากระบวนการย้อมในขั้นตอนถัดไป โดยความเข้มอ่อนของสีก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของดอกดาวเรืองที่เก็บมาได้ อีกวัตถุดิบธรรมชาติที่ให้สีเหลืองสด คือขมิ้น ซึ่งหาได้ง่ายเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ขมิ้นสด ขมิ้นผงที่หาได้ในตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต นำมาต้มให้เดือด แล้วใช้เป็นสีในการย้อมได้เลย
‘สีเขียวขี้ม้า เขียวอมน้ำตาล’ รู้ไหมว่าเปลือกของต้นเพกา ผักรสขมที่เราใช้ส่วนของฝักมาประกอบอาหาร นั้นเมื่อนำมาสับและต้มในน้ำ เราจะได้สีย้อมผ้าสีเขียว เช่นเดียวกับใบหูกวางที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป มาสกัดเป็นน้ำสีสำหรับย้อมด้วยการต้มก่อนเข้ากระบวนการย้อม อีกวัตถุดิบหนึ่งซึ่งมีการค้นพบยังไม่นานนักของกลุ่มชาวบ้านนาเชือก ในจังหวัดสกลนคร คือการใช้มูลควายสดมาสร้างสีใหม่ โดยสีที่ได้จะออกเขียวอมน้ำตาล ขึ้นอยู่กับอาหารที่ควายกินว่าเป็นหญ้าแห้งหรือหญ้าสด เมื่อผ่านกระบวนการย้อมแล้วปรากฏว่าได้สีที่สวยแปลกตาทีเดียว
‘สีน้ำตาล’ เราต่างเข้าใจว่าเปลือกของมังคุดน่าจะให้สีม่วงในการย้อมผ้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว สีที่ได้จากการนำเปลือกของผลมังคุดไปตำให้ละเอียดแล้วกรองน้ำออกมา คือสีน้ำตาล หรือออกไปในโทนส้มอมชมพู ขึ้นกับว่าวัตถุดิบตั้งต้นคือเปลือกมังคุดนั้นมีสีอ่อนแก่แค่ไหน ส่วนอีกวัตถุดิบที่ให้สีเฉดเดียวกันนี้คือเปลือกประดู่ ซึ่งเปลือกประดู่นี้ก็ขึ้นกับว่าเก็บมาในฤดูกาลไหนอีก เช่น หากเก็บในช่วงหน้าฝน จะได้สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลอมชมพู แต่หากเก็บในหน้าแล้งก็จะได้สีน้ำตาลอมแดง

ยังมีอีกหลายวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถสร้างสีที่สวยแปลกตาได้ต่างจากการย้อมด้วยสีเคมี แต่การจะย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาตินั้นไม่ได้หมายความว่าเมื่อสกัดเอาน้ำที่ให้สีตามที่ต้องการออกมาแล้วจะสามารถย้อมได้เลย เพราะต้องอาศัยส่วนประกอบอื่นในการย้อม เพื่อให้สีติดผ้าทนนาน ทนทานต่อแสงและการซักล้าง เรียกว่าสารช่วยย้อม โดยนิยมใช้เกลือแกง น้ำปูนใส น้ำด่างหรือน้ำขี้เถ้า กรดจากน้ำมะนาวหรือส้มป่อย น้ำบาดาล หรือน้ำโคลน ไปจนถึงโปรตีนจากน้ำนมถั่วเหลือง โดยทั้งหมดนี้ผู้ประกอบการที่เคร่งครัดจะใช้สารจากธรรมชาติทั้งหมด เพื่อให้ผ้าซึ่งย้อมด้วยสีธรรมชาติ ปราศจากเคมีที่อาจกระทบกับสุขภาพของผู้ใช้ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
ได้รู้อย่างนี้ก็สบายใจและคลายสงสัยว่า เสื้อผ้าที่เราเห็นว่าเป็นงานย้อมสีธรรมชาติ ทำไมจึงมีสีที่หลากหลายนัก และยิ่งเมื่อได้รู้กระบวนการก็ยิ่งมั่นใจว่า เสื้อผ้าสีธรรมชาตินั้น ช่วยถนอมโลกไม่ให้ถูกคุกคามจากสารเคมีอันตรายได้ไม่น้อยเลย