กฎ 3 ข้อของการลดน้ำหนัก จากกรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด

ในแต่ละวันมักจะมีวิธีการลดน้ำหนักมาให้เราอ่านและศึกษา เป็นแนวทางให้ปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ใฝ่ฝัน คือการมีรูปร่างหรือหุ่นดี บ้างทำแล้วล้มเหลว บ้างทำแล้วประสบผลสำเร็จ ด้วยเหตุผลและปัจจัยแตกต่างกันไป

ล่าสุด นักวิชาการของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดค้นพบแนวทางใหม่ ซึ่งทำการวิจัยกับผู้คนจำนวน 609 คน อายุระหว่าง 18-50 ปี โดยแบ่งผู้คนทั้งหมดออกเป็นสองกลุ่ม ตลอดหนึ่งปีที่ทำการวิจัย นักวิชาการให้คนกลุ่มแรกรับประทานแต่อาหารหลักที่มีคาร์โบไฮเดรตน้อย แต่ไขมันเยอะ ส่วนอีกกลุ่มให้เพิ่มจำนวนคาร์โบไฮเดรตมากกว่าไขมัน

เพิ่มเติมจากนั้นคือ พวกเขาควรจะรับประทานผักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็ให้หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขาวให้มากที่สุด นอกเหนือจากนั้นแล้ว ทุกคนจะมีอิสระมากพอที่จะตัดสินใจเลือกเองว่า จะรับประทานอะไร เมื่อไหร่ รวมทั้งจะสะสมแคลอรีในแต่ละวันเท่าไหร่

บทบาทสำคัญของคาร์โบไฮเดรตและไขมัน

ผลลัพธ์หลังจากหนึ่งปีของงานวิจัย ผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งสองกลุ่มมีน้ำหนักตัวลดลงโดยเฉลี่ย 5.9 กิโลกรัม แม้ว่า แผนการรับประทานอาหารของพวกเขาจะมีพื้นฐานแตกต่างกัน

นักวิจัยสรุปผลการวิจัยครั้งนี้ว่า เป็นเพราะคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่มีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลัง และกฎ 3 ข้อที่ได้จากการทดลองหาวิธีการลดน้ำหนักคือ

+ ลดน้ำตาล

+ ลดแป้งขาว

+ เพิ่มปริมาณผัก

สรุปเป็นวิธีการลดน้ำหนักโดยที่ไม่ต้องอดอาหารให้หงุดหงิดใจ

น้ำตาล ตัวการสำคัญ มีในอะไร เท่าไหร่บ้าง?

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำปริมาณการบริโภคน้ำตาลต่อวัน: ไม่ควรเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนแคลอรีทั้งหมด หมายความว่า ร่างกายเราต้องการพลังงานเฉลี่ยต่อวัน 2,000 กิโลแคลอรี (kcal) ฉะนั้นควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 25 กรัม (ประมาณ 6 ช้อนชา หรือหมีเจลลีราว 23 ชิ้น)

น้ำตาล ในความหมายขององค์การอนามัยโลกคือ Free Sugar ที่ครอบคลุมถึงกลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส ที่ใช้เติมในอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงน้ำตาลที่มีตามธรรมชาติในน้ำผึ้ง ไซรัป น้ำผลไม้ และน้ำผลไม้ชนิดเข้มข้น

ส่วนน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้และผัก ซึ่งแม้องค์การอนามัยโลกไม่นับว่าอันตราย แต่สำหรับใครที่ต้องการเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลควรตระหนัก เรามีตารางแสดงปริมาณน้ำตาลดังต่อไปนี้…