แค่ชื่อก็บอกตัวตนแล้วว่า ‘บ้านสุขภาพพุทธิญา’ ไม่ได้วางตัวเองเป็นแค่ร้านอาหาร หรือ Chef’s Table ทั่วไป แต่ตั้งปณิธานให้พื้นที่แห่งนี้พาทุกคนกลับคืนสู่ธรรมชาติผ่านโต๊ะอาหาร บนแนวทางการปรุงอาหารปรับสมดุลธาตุ โดยยึดหลักการว่า “กินที่กาย ตื่นรู้ที่ใจ ให้อาหารเป็นยา”
‘บ้านสุขภาพพุทธิญา’ มีที่มาจากคำว่า ‘พุทธะ’ ที่แปลว่า ‘ตื่นรู้’ และ ‘ปัญญา’ ที่แปลว่า ‘ความรู้’ นอกจากสื่อความหมายลึกซึ้ง และสะท้อนเจตจํานงของร้านแล้ว ยังเป็นการรวมคำมาจากชื่อของสองผู้ก่อตั้งอย่าง “เชฟฮ้ง” พุฒิพงศ์ เตชมานะชัย เชฟผู้รักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และ “คุณจิ๊บ” สุกัญญา บุญเลิศรพ นักโภชนบำบัดและนักพัฒนาจิต พลังบำบัด ที่ศึกษาด้านทรานฟอร์เมชั่น เอนเนอจี้
“เชฟฮ้ง” และ “คุณจิ๊บ” สองผู้ก่อตั้ง บ้านสุขภาพพุทธิญา
ท่ามกลางความวุ่นวายใจกลางเมือง แต่ในซอยเกษมสันต์ 2 กลับซ่อนความเงียบสงบ ซึ่งเป็นตั้งของร้านอาหารที่ไม่อยากให้คำว่าร้าน เพราะบรรยากาศของที่นี่ไม่ต่างจากบ้านหลังเล็กๆ ที่ใช้ครัวภายในบ้านเป็นสถานที่ปรุงอาหาร โต๊ะเพียง 2-3 โต๊ะ กับการตกแต่งแสนน่ารักและการต้อนรับที่ให้ความรู้สึกราวกับเรามาบ้านเพื่อน ทำให้สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นที่พักกายชั้นดีเลยทีเดียว
“เราอยากให้ทุกคนรู้ว่า อาหารเป็นยา เป็นเลือดเนื้อ
เพราะกว่าผักสักต้นจะโตขึ้นมาให้เรากินได้ มันต้องผ่านกาลเวลา
ต้องดูดซับอาหาร เพื่อมาเป็นอาหารให้กับเรา นั่นคือการกินอาหารอย่างการตื่นรู้”
“อย่างน้อยในอาหารหนึ่งจานนี้กำลังสื่อสารอะไร เพราะผักผลไม้พูดไม่ได้ แต่เขาคอนเนคกับเราแล้ว โดยการให้ประโยชน์กับเรา ให้ความอร่อย ให้ความสดชื่นกับเรา แต่ถ้าเราช่วยสื่อสารประโยชน์ของเขา นั่นเหมือนกับเราได้ขอบคุณเขาไปในตัว มันทำให้การเกิดของเขามีคุณค่า” คุณจิ๊บ เกริ่นถึงแก่นของบ้านสุขภาพพุทธิญาที่ทำหน้าที่มากกว่าแค่ปรุงและเสิร์ฟ
ทำไมต้องอาหารปรับสมดุล?
ความที่ทั้งสองสนใจเรื่องธรรมชาติบำบัด ผ่านการเรียนกับป้านิดดา (นิดดา หงษ์วิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสำนักพิมพ์แสงแดด และกูรูธรรมชาติบำบัด) และเคยผ่านค่ายแพทย์วิถีธรรมของหมอเขียว เรียนรู้อาหารฤทธิ์ร้อนฤทธิ์เย็น บวกกับการสั่งสมความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ทำให้หลอมรวมเป็นแนวทางของบ้านสุขภาพพุทธิญา ที่ยึดแนวทางการปรุงอาหารที่รักษาสมดุลร้อนเย็นของร่ายกาย เสิร์ฟอาหารปรุงน้อยก็อร่อยได้ โดยเน้นการเข้าถึงแก่นของรสชาติจากวัตถุดิบแต่ละชนิด ให้ออกรสอูมามิตามธรรมชาติที่แตกต่างกัน
“เราค้นพบว่าร่างกายของเราป่วย เพราะเราเสียสมดุลร่างกาย สังเกตได้ว่าอาหารส่วนใหญ่ที่เราทานในชีวิตประจำวัน เป็นอาหารฤทธิ์ร้อน เช่น อาหารทอด อาหารผัด อาหารที่ปรุงความร้อน อาหารรสจัด แม้แต่โลกที่ร้อนขึ้น การใช้มือถือ เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรียกว่าการสัมผัสกับพลังงานความร้อน ทั้งหมดนี้ ทำให้ร่างกายซึมซับความร้อนมาไว้ในร่างกาย เป็นเหตุให้ร่ายกายเสียสมดุล เกิดการสั่งสม ทำให้เราไม่สบาย เราจึงควรรับประทานอาหารที่เข้าไปปรับธาตุของร่างกาย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบัน”
ซึมซับความอร่อยจากธรรมชาติแท้ๆ
จากแนวคิดนี้อาหารส่วนใหญ่ของบ้านสุขภาพพุทธิญาจึงเป็นอาหารฤทธิ์เย็น ไม่เน้นอาหารรสเผ็ดเลย เพราะการทานรสเผ็ด จะทำให้ลิ้นรับรู้แต่รสเผ็ด จะทำให้ต้องเติมเครื่องปรุงอื่นๆ มากขึ้นโดยไม่จำเป็น
เพราะความอร่อยของแต่ละจาน ล้วนมาจากวัตถุดิบตามธรรมชาติที่แทบจะไม่ปรุงเลย หรือถ้าปรุงก็ต้องเป็นการปรุงรสจากเครื่องปรุงแต่งธรรมชาติ เช่น ดอกเกลือ น้ำมันมะพร้าว ดังนั้น 95% ของบ้านสุขภาพพุทธิญา จึงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบ ต้องออร์แกนิคหรือปลอดสาร และเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมาจากจากเกษตรกรเครือข่ายที่ผ่านการรับรองและได้รับความไว้วางใจว่าปลอดภัย
ฉะนั้นการมาทานอาหารที่นี่ จึงไม่มีอะไรตายตัว จะให้อารมณ์เหมือนกับการมากินอาหารรอว์ฟู้ด ผสมผสานกับอาหารคลีน และมังสวิรัตินิดๆ แต่ใช่ว่าจะไม่มีเนื้อให้ทาน เพราะที่นี่ก็มีให้เลือกเป็นเนื้อเบาๆ อย่างปลา ประมงพื้นบ้าน สัตว์น้ำอินทรีย์ และไก่ออร์แกนิค ไม่มีอาหารที่ปรุงโดยสัตว์ใหญ่เลย เพราะอย่างที่บอกว่าที่นี่เน้นอาหารเป็นยา ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ 60% เป็นผู้ป่วย เช่น หัวใจ ตับ เบาหวาน ความดัน ไทรอยด์ คอเลสเตอรอล โรคอ้วน ฯลฯ และ 40% เป็นกลุ่มดูแลสุขภาพ
“เราไม่ได้ทำอาหารเพื่อรักษา แต่เพื่อบำบัด เราทำอาหารที่เติมจุลินทรีย์ดีให้กับร่างกาย”
กลับคืนสู่ธรรมชาติผ่านโต๊ะอาหาร
นอกจากให้ความสำคัญกับที่มาของวัตถุดิบและวิธีปรุงเพื่อการบำบัดแล้ว บ้านสุขภาพพุทธิญายังเชื่อเรื่องการให้คนกลับไปหาธรรมชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่ายุคนี้สมัยนี้ผู้คนใช้ชีวิตรีบเร่ง ทำให้ช่วงเวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง บรรยากาศภายในบ้านสุขภาพพุทธิญาจึงตกแต่งมาให้รู้สึกผ่อนคลาย เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่พักเหนื่อย เอื้อให้คนในครอบครัวหันหน้ากลับมาคุยกันมากขึ้นผ่านอาหารมื้ออร่อย
“เราอยากจะสื่อ สารที่ดี ผ่านเมนูอาหารที่ดีสักจาน โดยใช้วัตถุดิบที่ดีจากธรรมชาติ คนมานั่งที่นี่แล้วสบายใจ พอเขาสบายใจสบายกายแล้ว เขาก็จะพูดสิ่งที่เขาติดค้างในใจ เหมือนกับเขาได้อนุญาตให้เราเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขา วิถีของคนไทย เรามักบรรทุกข์กันบนโต๊ะอาหาร”
“แต่ต้องยอมรับว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างกิน มีเวลาน้อยมากที่จะได้กินข้าวด้วยกัน เราก็อยากให้ทุกคนตั้งคำถามว่า เรากินข้าวกับครอบครัวและได้คุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไร”
ไม่เพียงแต่จะใช่พื้นที่น้อยๆ นี้ เป็นมุมปลดล็อคทางใจเท่านั้น ภายในบ้านยังเปิดมุมเล็กจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่าปลอดสารพิษ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ที่ผลิตจากเกษตรกรที่ใส่ใจในกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพ
มุมจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ
ฉะนั้นการเดินเข้ามาที่บ้านสุขภาพพุทธิญา สิ่งที่คุณจะได้คงไม่ใช่แค่อาหารรักษาสมดุล แต่จะได้พลังบวกที่จะชาร์จทั้งพลังกายและพลังใจกลับไป
เมนูแนะนำต้องไม่พลาด
หลนแหนมเห็ดใบเหลียง : ดัดแปลงจากแหนมเห็ดมาปรุงรูปแบบหลน เมนูนี้เกือบจะเป็นรอว์ฟู้ด เพราะแทบไม่ผ่านความร้อน เป็นอีกจานเด่นที่ใครเคยได้ทานแล้ว ต้องสั่งอีก ด้วยเทคเจอร์ของใบเหลียงที่ให้ความหอมมัน ทานคู่กับหลนออกมาได้รสชาติกำลังดี
ยำอ่อมแซบเห็ดแครงผัดกะทิตะไคร่สด : อีกซิกเนเจอร์ที่ใครได้ทานต่างต้องออกปากว่ารสชาติครบเครื่อง จนลืมไปเลยว่าเป็นอาหารมังสะ เป็นอีกเมนูที่คืนความสดชื่นให้กับร่างกาย รู้สึกได้ตั้งแต่คำแรก เพราะในจานอุดมด้วยสมุนไพรนานาชนิด ทั้ง ตะไคร่, ผักชีฝรั่ง, ผักชีไทย, ใบสะระแหน่, หอมแดง, มะนาว, ดอกเกลือ
ตาบูเล่ : ดัดแปลงมาจากอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ประกอบไปด้วย คีนัว, ถั่วลูกไก่, มะเขือเทศราชินี, ซุกินี, ผักชีไทย, เลมอน, ดอกเกลือ, น้ำมันมะกอก เป็นเมนูแนวฟิวชั่นที่ให้รสชาตินัวๆ ละมุนๆ ที่ต้องลอง
บ้านสุขภาพพุทธิญา
ซ. เกษมสันต์ 2 ถ. พระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/PhuttiyaHealthyHome/
- Delivery Healthy Food : บริการจัดส่งผักผลไม้ออร์แกนิค วัตถุดิบทำอาหาร น้ำปั่นผักผลไม้และสินค้าของใช้ออร์แกนิค
- Chef’s Table : รับเฉพาะจองล่วงหน้า สามารถเข้าครัวมาร่วมทำอาหารกับเชฟ โดยสอบถามข้อมูลล่วงหน้าได้กับทางร้าน ระหว่างการรับประทานอาหารจะมีผู้ให้ข้อมูลที่มาของวัตถุดิบและคุณค่าอาหารแต่ละเมนู รวมถึงมีการสอบถามข้อมูลสุขภาพก่อนการสั่งจอง เพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมวัตถุดิบจานต่อจาน และดีไซน์เมนูให้เหมาะกับผู้รับประทานและวัตถุประสงค์ในการทาน
- สอนทำอาหารสุขภาพไปจนถึงเบเกอรี่ ตั้งแต่เด็กสี่ขวบขึ้นไป ผู้ไม่เคยทำอาหารสามารถมาเรียนได้ )