ช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก หลายคนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเองและคนที่คุณห่วงใย โดยเฉพาะการเพิ่มความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยลดความรุนแรง และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตอีกด้วย
ระหว่างรอฉีดวัคซีนเราอยากชวนคุณมาบูสต์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วย 10 อาหารเสริมที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งยังเป็นอาหารผิวที่ช่วยให้ผิวสวยกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
ผลไม้ตระกูลส้ม
เป็นที่ทราบกันดีกว่า วิตามินซีมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆ รวมถึงช่วยให้หายป่วยจากหวัดได้เร็วขึ้น ผลไม้รสเปรี้ยวแทบทุกชนิดมักจะมีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต ฯลฯ
ร่างกายของเราต้องการวิตามินซี 1,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ร่างกายดูดซึมได้เฉลี่ยครั้งละ 200-400 มิลลิกรัมเท่านั้น
สำหรับคนที่รับประทานวิตามินซีเสริมควรรับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม (วันละ 2 ครั้ง) เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีเพียงพอต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน และหลีกเลี่ยงการรับประทานมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ดี ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่า วิตามีซีมีประสิทธิภาพในการต่อต้านโควิด-19 และพยายามอย่า ‘ความเครียด’ มากเกินไป เพราะจะทำให้ปริมาณวิตามินซีในเลือดลดลง

พริกหยวกหรือพริกหวานสีแดง
หากคุณคิดว่าผลไม้รสเปรี้ยวมีวิตามินซีมากที่สุดในบรรดาผัก-ผลไม้ คุณอาจจะต้องคิดใหม่เพราะจริงๆ แล้วพริกหวานสีแดงมีวิตามินซีสูงกว่าเกือบ 3 เท่า ทั้งยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งวิตามินซียังช่วยให้ผิวเปล่งประกาย นอกจากนี้ ร่างกายของเรายังสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอได้ด้วย จึงช่วยบำรุงดวงตาและผิวพรรณให้แข็งแรงขึ้น

บรอกโคลี
บรอกโคลีอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามิน A, C และ E รวมถึงไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บรอกโคลีเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพที่สุดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ บรอกโคลีมีแคลเซียม เบต้าแคโรทีน แมกนีเซียม และซีรีเนียม ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวพรรณได้อย่างดี กุญแจสำคัญในการคงคุณค่าของบรอกโคลีได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการปรุงให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการนึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคงคุณค่าของบรอกโคลีและผักชนิดอื่นๆ

กระเทียม
กระเทียมพบได้ในอาหารเกือบทุกประเภทในโลกใบนี้ และจัดเป็นส่วนผสมของอาหารที่เป็นยาอายุวัฒนะเช่นกัน บันทึกในอารยธรรมของมนุษย์ยุคแรกๆ ระบุว่า คนโบราณนิยมนำกระเทียมมาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อต่างๆ ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
นอกจากนี้ กระเทียมยังช่วยให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวช้าลง ลดระดับคอเรสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต บรรเทาอาการไอ ไข้หวัด ขับเสมหะ ยับยั้งเชื้อโรคต่างๆ เช่น คออักเสบ ปอดบวม วัณโรค และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง

ขิง
ขิงเป็นสมุนไพรยอดนิยมในการประกอบอาหาร ให้มีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อน ขิงอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ วิตามิน B1, B2, B3, C แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ และโปรตีน จึงช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
แพทย์แผนโบราณนิยมใช้ขิงในการฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วย ไล่หวัด ขับลม ลดคลื่นไส้ ทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ และลดอาการเจ็บคอได้
นอกจากนี้ ขิงยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการไมเกรน ป้องกันการเกิดมะเร็ง และรักษากรดไหลย้อน

ผักโขม
ผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ เช่นเดียวกับบรอกโคลี
ผักโขมจะดีต่อสุขภาพที่สุดเมื่อปรุงให้น้อยที่สุด เพื่อคงรักษาประสิทธิภาพของสารอาหารจำเป็น และช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้ง่ายขึ้น
ผักโขมยังมีส่วนช่วยลดคอเรสเตอรอล ช่วยให้ไขมันในเลือดลดลง กำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็ง ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรรณ และปรับสมดุลระบบขับถ่าย แต่ไม่ควรรับประทานเยอะจนเกินไปเพราะผักโขมมีกรดออกซาลิคสูง จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้

อัลมอนด์
อัลมอนด์เต็มไปด้วยวิตามิน โปรตีน ไฟเบอร์ โพแทสเซียม กรดโฟลิค และไขมันดีต่อสุขภาพอีกด้วย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง ลดความเสี่ยงของหัวใจวาย และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
โดยผู้ใหญ่ต้องการอัลมอนด์ 15 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ 1 กำมือหรือ 24 เมล็ดต่อวัน) และไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพื่อให้คุณได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกายนั่นเอง

เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามิน B6 และ วิตามิน E ซึ่งมีความสำคัญในการควบคุมและรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารอื่นๆ ที่มีวิตามินอีในปริมาณสูง ได้แก่ อะโวคาโด และผักใบเขียว
เมล็ดทานตะวันยังมีซีลีเนียมสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ควรรับประทานวันละ 30 กรัมหรือ 1 กำมือ จะถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะเมล็ดทานตะวันมีโซเดียมสูงจึงไม่ควรรับประทานมากเกินจำเป็น นักวิจัยพบว่า เมล็ดทานตะวันมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดหมู (H1N1) ได้ด้วย

กีวี
กีวีเต็มไปด้วยสารอาหารจำเป็นมากมาย เช่น โฟเลต โพแทสเซียม วิตามิน K และวิตามิน C ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆ ของร่างกาย
กีวียังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัยและชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ ช่วยสร้างเซลล์ที่แข็งแรงและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เมื่อร่างกายของเราขาดวิตามิน K จะส่งผลให้กระดูกเปราะง่ายและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่นเดียวกับ T-Cell เซลล์ภูมิต้านทานหรือเซลล์นักฆ่า ที่ร่างกายใช้ในการต่อสู้กับมะเร็ง ไวรัส และโรคอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระชายขาว
มาแรงมากๆ สำหรับกระชายขาว หลังงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า กระชายขาวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสโคโรนา-2019 หรือโควิด-19 ได้ 100% (ผลการทดลองทางแล็บ ยังไม่ได้ทดสอบในสัตว์และมนุษย์) และช่วยยับยั้งเซลล์ในการผลิตไวรัสได้ด้วย
นั่นเพราะกระชายขาวมีสารสำคัญ 2 ตัวคือ ‘Pandulatin A’ และ ‘Pinostrobin’
นอกจากนี้ กระชายยังเป็นพืชที่มีประโยชน์ตั้งแต่รากถึงใบ โดยใบกระชายช่วยรักษาโรคในช่องปากและคอ เหง้าและรากช่วยแก้โรคบิด ขับปัสสาวะ และบำรุงหัวใจ แต่การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ใจสั่น เหงือกร่น และมีผลต่อการทำงานของตับได้
อ้างอิงข้อมูล: www.healthline.com / https://thebeet.com/the-13-best-foods-to-boost-your-immunesystem-take-that-corona-virus/ /