5 วิธีรับมือกับข่าวร้าย ในวันที่จิตใจต้องการเยียวยา

ท่ามกลางข่าวร้ายและปัญหาชีวิตที่รุมเร้าทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก ที่ทำให้คุณเสพติดความเครียดเข้าไปในจิตใจโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล (cortisol) หรือ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ที่เกิดจากความตื่นเต้น ความโกรธ ความกลัว ความวิตกกังวล

ส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ หิวบ่อย อยากกินแต่แป้งและของหวาน ปวดหัว ปวดหลัง และท้องอืด เรามี 5 วิธีรับมือกับข่าวร้ายเพื่อชุบชูใจให้ผ่อนคลาย ในวันที่ร่างกายและจิตใจต้องการการหยุดพักจริงจัง

เราทุกคนต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายและความผิดหวังในมุมที่แตกต่าง ทั้งยังซ้ำเติมด้วยข่าวร้ายรายวันที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง นอนไม่หลับ หดหู่ เบื่อหน่าย หงุดหงิด จนถึงซึมเศร้า โดยเฉพาะผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ควรหลีกเลี่ยงการเสพข่าวร้ายต่อเนื่อง ตรงกันข้ามกับข่าวดีและการออกกำลังกายที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเอนโดรฟีน (endorphin) เพื่อคลายความเจ็บปวด ความเครียด เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่หากคุณต้องเผชิญกับข่าวร้ายอยู่บ่อยๆ การฝึกให้สมองเรียนรู้ที่จะปรับตัวจะช่วยให้คุณเยียวยาจิตใจตัวเองได้ดีผ่านกระบวนการเหล่านี้

1.ยอมรับอารมณ์ด้านลบ

นอกจากข่าวร้ายจะกระตุ้นอารมณ์ด้านลบที่อยู่ภายในจิตใจ ขณะเดียวกันมันก็กระตุ้นกลไกการป้องกันตัวเพื่อปฏิเสธการยอมรับอารมณ์ด้านมืดของตัวเอง งานวิจัยของ University of California, Berkeley สหรัฐอเมริกาพบว่า การพยายามหลีกเลี่ยงอารมณ์ด้านลบอาจทำให้คุณเครียดมากขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่เผชิญหน้ายอมรับความจริง

นักวิจัยได้ทำการทดลองกับกลุ่มคนผ่านช่องทางออนไลน์และห้องปฏิบัติการพบว่า คนที่ยอมรับอารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นจะรู้สึกดีกับตัวเอง เข้าใจตัวเอง และปลดปล่อยความเครียดได้ง่ายกว่า

เมื่อเทียบกับคนที่ปฏิเสธอารมณ์ด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความกลัว ความเสียใจ ความอิจฉา ความรู้สึกผิด ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า วิธีการรับมือกับอารมณ์ด้านลบของคนเราเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาตนเอง และปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดในชีวิตประจำวัน

2.ฝึกควบคุมอารมณ์ด้วยการหายใจ

การหายใจเข้า-ออกลึกๆ หลายวินาที จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายความตึงเครียดได้ดีขึ้น จากนั้นให้อ่านข่าวนั้นซ้ำหรือคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นแล้วทบทวนกับตัวเองว่า คุณได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้นบ้าง สมองจะทำการย่อยข้อมูลและประมวลผลให้คุณรับมือกับข่าวร้ายทำนองเดียวกันได้ดีขึ้นในอนาคต จากนั้นให้นึกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นและคุณจะรับมือกับสถานการณ์นั้นได้อย่างไร

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (Tel Aviv University) แห่งอิสราเอล ระบุว่า สมองของคนเราสามารถรับมือกับข่าวร้ายได้มากกว่าที่คุณคิด

สมองจะทำการประมวลผล ย่อยข้อมูล และค้นหาวิธีรับมือที่เหมาะสม เพื่อให้ชีวิตยังดำเนินต่อไปโดยที่คุณจะมีภูมิคุ้มกันข่าวร้ายมากขึ้น

หากสังเกตดีๆ ข่าวร้ายในทำนองเดียวกันจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของเราลดลง แตกต่างจากการรับรู้ในครั้งแรกที่ทำให้คุณตื่นเต้น ตกใจ โกรธแค้น หรือหวาดกลัว อย่างไรก็ดีคุณต้องทำความเข้าใจตัวเองและยอมรับอารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นให้ได้เสียก่อนแล้วเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เพื่อให้สมองจดจำวิธีการพาตัวเองออกจากความรู้สึกในแง่ลบได้ดีในครั้งต่อไป

3.เปลี่ยนมุมมองความคิด

หลังจากทำความเข้าใจอารมณ์ด้านลบของตัวเอง การเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับข่าวร้ายจะช่วยให้คุณมองเห็นสถานการณ์นั้นในมุมที่แตกต่าง หรือแม้แต่เปลี่ยนมุมมองความคิดของคุณไปเลย เพราะคนเราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตได้ตลอดเวลา คุณจึงต้องฝีกรับมือกับข่าวร้ายหรือสถานการณ์เลวร้ายด้วยกระบวนการเรียนรู้ทางปัญญา เพื่อให้สมองเกิดการเรียนรู้และจดจำ ซึ่งนำไปสู่การปรับเปลี่ยนมุมมองและท่าทีของคุณที่มีต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การฝึกตีความในเชิงบวกต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ถือเป็นการท้าทายสมองให้ปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดที่มีต่อสถานการณ์เลวร้ายไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

งานวิจัยของ University of Notre Dame เปิดเผยว่า การตกงานอาจช่วยให้ผู้คนเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิตและปลดปล่อยอารมณ์เชิงลบ (ความเศร้า ความอาย ความโกรธแค้น) เช่น แทนที่จะกล่าวโทษเจ้านายหรือองค์กรที่ทำให้คุณตกงาน คุณอาจจะกลับมาทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทบทวนความรู้และศักยภาพของตัวเอง ทั้งยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้เริ่มต้นงานใหม่หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อค้นหาประสบการณ์ชีวิตในอีกแง่มุมที่ไม่เคยสัมผัส เช่นเดียวกับข่าวร้ายที่ทำให้คุณมองเห็นความร่วมแรงร่วมใจ กำลังใจ และความช่วยเหลือที่หลั่งใหลเข้ามาจากทุกสารทิศ

Photo by Carli Jeen

4.สร้างภูมิคุ้มกันข่าวร้าย

ภูมิคุ้มกันข่าวร้ายของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางครั้งความเสียใจจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดนปฏิเสธงาน หรือถูกเจ้านายตำหนิอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ความผิดหวังหรือความล้มเหลวในชีวิตของคนบางคนไปเลย

คนที่ต้องรับมือกับความทุกข์ ความยากลำบาก และความยากจนของชีวิตมาตลอด มักจะมีภูมิคุ้มกันข่าวร้ายมากกว่า สงบสติอารมณ์ได้ดี ยืดหยุ่น ปรับตัว และรับมือกับความกดดันได้ดี

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์โดย American Psychological Association เกี่ยวกับนักเรียนที่ล้มเหลวทางการศึกษาหรือเรียนไม่จบ ซึ่งส่งผลต่อการเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆ เนื่องจากขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม

นักวิทยาศาสตร์ลองให้นักเรียนกลุ่มนั้นทำความเข้าใจความทุกข์ที่เกิดขึ้น รู้จักควบคุมตัวเอง ตั้งเป้าหมายใหม่ และค้นหาวิธีการที่จะเดินไปสู่เป้าหมายนั้น เพื่อให้พวกเขามองเห็นโอกาสใหม่ในชีวิต

Photo by Plush Design Studio on Unsplash

การวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเขียนบล็อกเพื่อระบายความทุกข์จะช่วยให้ผู้คนรับมือกับความทุกข์ได้ดีขึ้น รวมถึงการเขียนไดอารี่ หรือการเขียนระบายทางช่องทางอื่นๆ จะช่วยปลดปล่อยความเครียด และนำไปสู่ทางออกที่มีประสิทธิภาพสำหรับวัยรุ่น เมื่อเปรียบเทียบกับวัยรุ่นที่ไม่ได้เขียนไดอารี่หรือบล็อกส่วนตัว พวกเขาจะมีความนับถือตนเองต่ำ วิตกกังวล และความทุกข์

 

5.ฝึกเป็นคนใจดีกับตัวเอง

ระหว่างที่คุณเผชิญกับข่าวร้ายหรือสถานการณ์เลวร้าย คุณก็ต้องเมตตาตัวเอง ดูแลร่างกายและจิตใจให้สมดุล ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามในยามที่มีความทุกข์ การทำสมาธิแบบเจริญสติจะช่วยลดความกังวลได้ดี ช่วยให้คุณมีสติอยู่กับปัจจุบันและลดความกังวลระหว่างติดตามข่าว ปรับสมดุลมื้ออาหารให้มีผักและผลไม้มากขึ้น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พฤติกรรมการกินที่ไม่ดีจะเพิ่มอารมณ์เชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ

Photo by Danielle MacInnes on Unsplash

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการพยาบาล Journal of Clinical Nursing แสดงให้เห็นว่า การนวดมือและเท้าติดต่อกันนาน 8 สัปดาห์หลังการสูญเสียคนที่คุณรัก จะช่วยเยียวยาจิตใจและคลายความทุกข์ ทั้งยังแนะนำด้วยว่า เมื่อต้องเผชิญกับข่าวร้ายคุณต้องตั้งสติและเจริญสมาธิเพื่อปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ

 

ที่มาข้อมูล: www.medicalnewstoday.com , www.psychologytoday.com, https://edition.cnn.com/