ด้วยการใช้ชีวิตแบบชาวรูทีนที่มีงานการทำแบบต้องพึ่งเลขเวลามาบอกให้เริ่มหรือเลิกงานได้ อะไรทำนองนี้! ก็อาจทำให้อาหารการกินที่คุณต้องกินอย่างเร่งรีบดูจะไม่ได้ดังใจและประโยชน์เท่าที่ควร ทีนี้บรรดาแฟนคลับที่ติดกินอะไรหวานๆ ก็เลยมีน้ำตาลเป็นเครื่องให้ความหวานที่บริโภคกันบ่อยครั้งซะจนสั่งสมส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายไปมาก
สิ่งที่คุณสามารถปลุกตัวเองให้ตื่นจากดงความหวานปานน้ำตาลได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นการ ‘ลด ละ เลิก’ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใครจะมาบอกหรือสั่งให้ทำกันเดี๋ยวนี้แล้วจะทำได้เลย งั้น! เปลี่ยนใหม่ไหมล่ะ เปลี่ยนมาติดน้ำผึ้งแทนน่าจะดีต่อการใช้ชีวิตและควรต้องห่วงเรื่องสุขภาพร่วมด้วย เพราะเท่าที่ได้ข้อมูลมาจากหลายๆ ทาง ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าน้ำผึ้งมีความหวานในตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติแล้วยังดีต่อสุขภาพกายและใจ
ส่วนผู้ชักพายังเป็นผึ้งน้อยนักผจญภัยที่เฟ้นหาดอกไม้เป็นร้อยๆ ต่อวัน ส่งต่อสู่การผลิตรวงรังจนได้เป็นน้ำผึ้งดิบที่ไม่ได้ปรุงแต่ง ให้รสหวานธรรมชาติ แต่ในส่วนของรายละเอียดพิเศษเช่นการรักษาเสมือนตัวยา รวมถึงสรรพคุณทางโภชนาการอาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ที่ว่าผึ้งนั้นไปถูกใจและดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ชนิดไหน มีที่มาที่ไปอย่างไร สภาพแวดล้อมการเพาะปลูกเป็นเกษตรอินทรีย์แท้จริงไหม ฯลฯ
เล่ามาถึงตรงนี้ก็ต้องนึกถึงสุดยอดน้ำผึ้งที่มีชื่อว่า ‘น้ำผึ้งมานูก้า (Manuka Honey)’ ว่ากันว่านี่แหละคือราชินีน้ำผึ้งที่ใครๆ ก็อยากลิ้มลองรสชาติ หรือนำมาใช้ในเชิงการรักษาเทียบเคียงกับยาก็ใช้ได้ดีทีเดียว เรามาทำความรู้จักน้ำผึ้งชนิดนี้ให้มากยิ่งขึ้น รับรองได้เลยว่าพอได้อ่านได้รู้ซึ้งถึงความเป็นเบอร์หนึ่งของนางเอกตัวจริง…คุณน่ะแทบอยากจะรีบออกไปตามหาซื้ออย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อให้ได้มาซักกระปุก
กล่าวเกริ่นถึงประวัติศาสตร์น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานชนิดแรกที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร ก่อนที่จะรู้จักน้ำตาลหรือสารให้รสหวานอื่นๆ และสรรพคุณของน้ำผึ้งก็ได้ถูกกล่าวถึงมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว เช่น ชาวกรีกจะดื่มน้ำผึ้งก่อนลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพราะเชื่อว่าน้ำผึ้งช่วยขจัดความเมื่อยล้าได้ หรือการที่แพทย์ชาวอียิปต์โบราณใช้น้ำผึ้งช่วยสมานแผลในการผ่าตัดเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก่อนที่เราจะรู้จักกับแบคทีเรียเสียอีก
นอกจากนี้ เรื่องราวของน้ำผึ้งยังปรากฎอยู่ในหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งคัมภีร์ไบเบิล คัมภีร์อัลกุรอ่าน และพระไตรปิฎก พูดได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน น้ำผึ้งนับเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่สิ่งที่มนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ยอมรับว่าเป็น “ยาอายุวัฒนะขนานแท้” และเมื่อมีการศึกษาวิเคราะห์ถึงคุณประโยชน์ของน้ำผึ้งอย่างละเอียดตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็พบว่าน้ำผึ้งสามารถรักษาโรคบางโรคได้ดีเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์
ในมุมมองของนักโภชนาการ
น้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยาที่ได้มาจากน้ำหวานของดอกไม้ ประกอบด้วย น้ำตาลซูโครส กลูโคส และยังมีวิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพ พร้อมทั้งมีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
ในบรรดาน้ำผึ้งหลากหลายสายพันธุ์ ต้องยกให้ “มานูก้า ฮันนี่” เป็นราชินีแห่งน้ำผึ้ง ซึ่งได้มาจากดอกมานูก้าในประเทศนิวซีแลนด์ มีทั้งคุณประโยชน์ รสชาติที่นุ่มละมุน และกลิ่นหอมหวาน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งมีเอนไซม์ที่ผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งเปรียบเสมือนยาฆ่าเชื้อโรค ส่วนเรื่องการรับประทานน้ำผึ้งให้ได้คุณประโยชน์สูงสุดนั้น วิธีที่ง่ายและสะดวกก็คือการนำมาผสมในอาหารหรือเครื่องดื่ม จะทำให้ได้คุณค่าและยังช่วยเพิ่มเรื่องรสชาติอีกด้วย
‘มานูก้า’ เธอคือราชินีน้ำผึ้งที่ยากจะโค่นล้ม
น้ำผึ้งมานูก้าเป็นน้ำผึ้งที่ได้จากดอกมานูก้า เพาะปลูกในแถบประเทศนิวซีแลนด์ ภายใต้การดูแลให้ปลอดภัยจากสารพิษ ไม่มีการใช้สารเคมีบริเวณรอบพื้นที่เพาะปลูก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้น้ำผึ้งมานูก้ามีความโดดเด่นในด้านประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งมีกลิ่นอันหอมหวานและรสชาติที่เข้มข้นถูกใจผู้บริโภค
น้ำผึ้งมานูก้าอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติในการปกป้องและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่ง ไม่หย่อนคล้อย และยังมีสาร AAH650+(Active Antibacterial Anti-Oxidant Honey 650+) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบสารไบโอฟลาโวนอยด์ กรดฟีโลลิก และกรดแอบซิสิกรวมเรียกสารที่พบในน้ำผึ้งมานูก้าว่า ยูนีค มานูก้า แฟกเตอร์ (Unique Manuka Factor – UMF) หรือสารที่พบเพียงเฉพาะในน้ำผึ้งมานูก้าเท่านั้น สารชนิดนี้มีสรรพคุณสามารถรักษาโรคผิวหนังบางชนิด บำรุงผิวพรรณ ลดรอยเหี่ยวย่นรักษาสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้
เขาว่าดีต่อคนอายุเลข 4 อัพแอนด์อัพ ?
จากผลวิจัยเกี่ยวกับน้ำผึ้งมานูก้าได้ค้นพบว่ามีคุณสมบัติในเรื่องของการต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดีตามธรรมชาติ โดยในน้ำผึ้งมานูก้าจะอุดมไปด้วยสารต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial) ซึ่งเป็นสารที่จะสามารถนำมาต้านไวรัส แบคทีเรีย หรือแม้แต่กระทั่งสารอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหมือนระบบภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่งให้กับร่างกาย และเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำงานได้น้อยลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์มากหลายของน้ำผึ้งมานูก้า
- เติมสารอาหารให้แก่ร่างกาย: เวลาที่เราอายุมากขึ้นร่างกายอาจจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน สาเหตุจากการเลือกรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ดังนั้นการทานน้ำผึ้งมานูก้าก็สามารถช่วยเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกายได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น เพราะน้ำผึ้งชนิดนี้มีสารอาหารหลากหลายชนิดที่ร่างกายต้องการในปริมาณมาก เช่น แคลเซียม เหล็ก และอื่นๆ และเนื่องจากเป็นน้ำผึ้งชนิดที่มีสารอาหารมากกว่าน้ำผึ้งแบบทั่วไปถึง 4 เท่า คนที่ร่างกายขาดสารอาหารจึงมั่นใจได้ว่าทานน้ำผึ้งชนิดนี้แล้วย่อมได้รับสารอาหารครบถ้วนมากขึ้นแน่นอน
- ช่วยรักษาบาดแผล: ประโยชน์ของน้ำผึ้งมานูก้าสามารถช่วยในการรักษาบาดแผล ซึ่งเป็นวิธีที่สืบต่อกันมาเป็นพันปีตั้งแต่สมัยโบราณ โดยน้ำผึ้งนั้นสามารถที่จะนำมารักษาบาดแผลได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ หรือแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการล้ม ซึ่งกระบวนการทำงานของน้ำผึ้งชนิดนี้จะช่วยในการทำความสะอาดบาดแผลในตัว เพราะภายในน้ำผึ้งมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียและสารต้านอนุมูลอิสระ จึงไม่ทำให้เกิดเชื้อจุลินทรีย์ขึ้นภายในบาดแผล นอกจากนี้แล้ว น้ำผึ้งมานูก้ายังสามารถที่จะนำมาช่วยในการรักษาแผลที่เกิดจากการผ่าตัด โดยทำให้บริเวณแผลแห้งขึ้นและปลอดเชื้อ รวมถึงยังสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังทำให้มีขนาดแผลที่ลดลงและมีผิวสัมผัสที่นุ่มมากขึ้น
- ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก: ปัญหาในเรื่องของช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพเหงือก หรือแม้แต่กระทั่งฟัน มีเหตุเกิดจากแบคทีเรียในช่องปากเป็นส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ซึ่งก็ได้มีการวิจัยออกมาในเรื่องของการใช้น้ำผึ้งมานูก้าเพื่อรักษาสุขภาพในช่องปาก และผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถที่จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปากที่จะทำให้เกิดการอักเสบทั้งเหงือกและฟัน รวมถึงทำให้มีกลิ่นปาก พร้อมกันนี้น้ำผึ้งมานูก้ายังสามารถช่วยขจัดคราบหินปูนที่เกาะอยู่ตามซอกฟันได้ เนื่องจากน้ำผึ้งมีสารช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียจึงช่วยป้องกันปัญหาฟันผุได้พร้อมกัน
- ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้: ได้มีการค้นพบผ่านงานวิจัยว่าน้ำผึ้งสามารถที่จะช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ โดยจะช่วยลดอาการคัดแน่นจมูก บรรเทาอาการหวัด เพราะน้ำผึ้งมีส่วนประกอบของสารต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ: น้ำผึ้งมานูก้ามีคุณสมบัติช่วยลดอาการเจ็บคอได้ เป็นเพราะว่าจุลินทรีย์ในน้ำผึ้งจะช่วยในเรื่องของการต้านเชื้อไวรัส ที่ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณคอ อาการเจ็บคอจึงบรรเทาลง
- ช่วยรักษาแผลกระเพาะอาหาร: น้ำผึ้งมานูก้าช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารไม่ให้เกิดการอักเสบไปมากกว่าเดิม นอกจากนี้แล้วยังสามารถช่วยรักษาแผลกระเพาะอาหารจากสาเหตุของการดื่มแอลกอฮอล์ได้เช่นเดียวกัน
- ช่วยรักษาสิว: คุณสมบัติหนึ่งที่มีความน่าสนใจของน้ำผึ้งมานูก้า คือ เป็นดั่งยาปฎิชีวนะที่จะช่วยกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรีย เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งมานูก้าจึงสามารถช่วยทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดสิวขึ้นได้
- ช่วยเพิ่มพลังงาน: ในกลุ่มของผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป การสูญเสียพลังงานถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสามารถที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันจากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ หลายคนจึงหันไปพึ่งพากาแฟที่มีคาเฟอีน หรือทานอาหารที่มีน้ำตาลเพื่อให้พลังงานต่อร่างกาย และหากทานมากๆ ก็ย่อมเป็นผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย แต่ในขณะที่น้ำผึ้งมานูก้าเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถช่วยเติมพลังงานให้แก่ร่างกายได้แล้ว ทำให้ร่างกายสดชื่นมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำลายสุขภาพอีกด้วย
- ช่วยในการนอนหลับ: เมื่อทานน้ำผึ้ง ร่างกายจะสามารถปรับสมดุลของระดับน้ำตาลภายในเลือดได้ หลังจากนั้นร่างกายจะปล่อยสารเมลาโทนินออกมา ทำให้เกิดความผ่อนคลายและหลับสบายได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ร่างกายยังปล่อยไกลโคเจนออกมาเพื่อที่จะช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายในขณะนอนหลับ
- ช่วยดูแลเส้นผม: หากใครที่กำลังเจอะเจอปัญหาเส้นผมอยู่ล่ะก็ น้ำผึ้งมานูก้าจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยกระตุ้นเซลล์เส้นผมให้สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รากผมแข็งแรง ส่งผลทำให้เส้นผมสวยและมีสุขภาพดีได้มากยิ่งขึ้น