‘Manuka Honey’ กระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยน้ำผึ้งมานูก้า ที่เหล่าคนดังทั่วโลกตามหาจนราคาพุ่ง

              เมื่อดาราคนดังหลายคนพากันเลือกสรรน้ำผึ้งมานูก้าสำหรับตนเอง ทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นสูงในทั่วโลก ใครๆ พากันถามหา รวมถึงศึกษาข้อมูล เพื่อหาความจริงให้ได้ว่า ‘น้ำผึ้งมหัศจรรย์’ มีความบริสุทธิ์อย่างที่พูดถึงกันอย่างไร

              กวินเน็ธ พัลโทรว์มีน้ำผึ้งมานูก้าประดับที่ห้องครัว เอ็ด ชีแรนใช้มันหล่อลื่นหลอดเสียงของเขา ส่วนสคาร์เล็ตต์ โจแฮนน์สันใช้บำรุงผิวหน้าของเธอ …น้ำผึ้งมานูก้าค่อยๆ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่โลกรับรู้แล้วว่ากำลังอยู่ในเทรนด์

              ไมร์เทิลแห่งทะเลใต้ (หรือมานูก้า) ชอบพื้นที่ห่างไกลและเต็มไปด้วยภูเขาของนิวซีแลนด์ และทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ที่ซึ่งมีอากาศชื้นและอบอุ่น ด้วยเหตุนี้ไม้พุ่มมานูก้าจึงงอกเงยงดงามในบริเวณชายป่าและบนเนินเขาที่โล่งกว้าง แต่มันก็ชอบพื้นที่ใกล้แม่น้ำด้วยเหมือนกัน

              น้ำผึ้งมานูก้าเป็นน้ำผึ้งที่ผลิตโดยผึ้ง จากน้ำหวานของดอกมานูก้า (มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Leptospermum scoparium) ที่เผ่าเมารี-ชนพื้นเมืองของนิวซีแลนด์-ค้นพบเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และนิยมใช้ใบและเปลือก หรือสารสกัดจากมัน รวมทั้งน้ำผึ้งของต้นมานูก้า เป็นยาฆ่าเชื้อ สมานแผล และลดอาการอักเสบ อีกทั้งยังใช้บริโภคเป็นยารักษาโรคหวัด การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และการติดเชื้ออื่นๆ

              มีเรื่องเล่าต่อกันว่า เกษตรกรในนิวซีแลนด์ใช้น้ำผึ้งมานูก้าเลี้ยงวัวของพวกเขามาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930s เพื่อให้พวกมันต้านทานโรคได้มากขึ้น

              เมื่อน้ำผึ้งมานูก้าเริ่มกลายเป็นที่รู้จัก ได้มีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ต้องการของตลาดโลกภายใต้ชื่อ ‘น้ำผึ้งมานูก้า’ ทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น จากเดิมในปี 2010 เคยขายกันในราคากิโลกรัมละ 37 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ก็เพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในปี 2015 และกำลังผลิตก็เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตันในปีนั้น

              น้ำผึ้งมานูก้าถูกสร้างขึ้นเหมือนกับน้ำผึ้งธรรมดา นั่นคือ ในรวงผึ้ง ในน้ำหวานดอกไม้นั้นยังไม่มี MGO (Methylglyoxal) หรือสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้น้ำผึ้งมานูก้ามีความพิเศษมากขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์สลายน้ำตาลที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และเป็นระดับของคุณภาพน้ำผึ้งมานูก้า

              เนื่องจากมันมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบได้ดี น้ำผึ้งมานูก้าจึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘ยาครอบจักรวาล’ สำหรับบำบัดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

กล่าวกันว่ามันช่วยสมานแผล บรรเทาปัญหาทางทันตกรรม (การติดเชื้อ โรคปริทันต์อักเสบ และแม้กระทั่งฝันผุ) ป้องกันโรคหวัด บรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินอาหาร ต้านการอักเสบ และช่วยปรับสภาพผิว         

               นอกจากนั้นมันยังสามารถใช้เป็นทางเลือกสำหรับสารให้ความหวาน อาจบริโภคอย่างง่ายๆ ด้วยการทาบนแผ่นขนมปังแทนแยม หรือใช้เติมความหวานในนมร้อน หรือชาร้อนก็ได้ ซึ่งปริมาณเมทิลไกลออกซาล (MGO) จะไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะโดนความร้อน

              ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งมานูก้าหลากหลาย ทั้งในรูปของน้ำผึ้ง และยังมีแบบดัดแปลงในรูปของชา น้ำมัน ครีม ลูกอม หรือแม้กระทั่งเป็นแคปซูล

              ในรูปแบบของน้ำมันนั้น สามารถใช้ทาบริเวณหน้าอกก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารออกฤทธิ์ในชั่วข้ามคืนได้

              คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผึ้งมานูก้า ต่อ 100 กรัม ประกอบด้วย:

              พลังงาน                1,400 kJ/334.6 กิโลแคลอรี

              ไขมัน                    < 0.1 กรัม

              ไขมันอิ่มตัว           < 0.1 กรัม

              คาร์โบไฮเดรต       82.1 กรัม

              น้ำตาล                   82.1 กรัม

              โปรตีน                 0.3 กรัม

              เกลือ                     < 0.1 กรัม

              ชาวอียิปต์โบราณค้นพบมานับพันปีแล้วว่า น้ำผึ้งช่วยรักษาแผล และปัจจุบันก็ได้รับการยอมรับว่ามันดีกว่ายาปฏิชีวนะสมัยใหม่

              ที่เยอรมนีมีการทดลองกันอย่างจริงจัง หลังจากตลาดน้ำผึ้งมานูก้าจากนิวซีแลนด์เริ่มบูมเมื่อสิบกว่าปีก่อน แพทย์นักวิจัยของมหาวิทยาลัยบอนน์ทำการทดลองพบว่า แม้แต่บาดแผลเรื้อรังที่ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ก็ใช้น้ำผึ้งมานูก้าบำบัดรักษาให้หายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของมันคือ เนื้อเยื่อที่ตายแล้วจะหลุดลอกเร็วขึ้น และแผลสมานเร็วขึ้นด้วย แพทย์นักวิจัยจึงรวบรวมผลการทดลองไว้เป็นกรณีศึกษา และเรียกขานน้ำผึ้งจากห้องทดลองว่า ‘Medihoney’

Honey pouring on girl’s naked back in spa salon. Copy space.

              ปัจจุบันคลินิกหลายสิบแห่งในเยอรมนีใช้น้ำผึ้งมานูก้าในการรักษาบาดแผล นั่นเพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่า Medihoney สามารถฆ่าเชื้อโรคที่ดื้อยาที่เรียกว่า MRSA (Staphylococcus aureus) หลายชนิด จนถึงทุกวันนี้เป็นที่รับรู้กันแล้วว่า สาเหตุที่น้ำผึ้งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ นั่นเพราะผึ้งเพิ่มเอ็นไซม์ที่เรียกว่า ‘กลูโคสออกซิเดส’ (Glucose Oxidase) ระหว่างการผลิตนั่นเอง เอนไซม์นี้ช่วยให้แน่ใจว่า ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จำนวนเล็กน้อยซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพนั้น ผลิตขึ้นอย่างถาวรจากน้ำตาลในน้ำผึ้ง

              Medihoney ยังประกอบด้วยน้ำผึ้งสองประเภทที่แตกต่างกัน หนึ่งนั้นก่อให้เกิดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง และอีกหนึ่งที่เรียกว่า ‘น้ำผึ้งเลปโตสเปิร์ม’ (Leptospermum) ซึ่งเป็นสกุลของต้นไม้ที่พบในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย น้ำผึ้งจากต้นไม้เหล่านี้มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่รุนแรง แม้จะผ่านกรรมวิธีเจือจางไปสิบเปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม