คุณค่าที่แตกต่างของ Manuka Honey
เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกันว่า จู่ๆ ทำไมน้ำผึ้งจากนิวซีแนด์ถึงได้รับความสนใจอย่างมากและแพร่หลายในทั่วโลก คำตอบน่าจะมีอยู่ใน Methylglyoxal (MGO) ซึ่งเป็น toxic compound ที่ทำให้เกิดฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของน้ำผึ้งมานูก้า รวมทั้งเป็นเครื่องหมายการค้าของมานูก้าจากนิวซีแลนด์ด้วย
นอกเหนือจากฤทธิ์ต้านแบคทีเรียสูงเป็นพิเศษแล้ว น้ำผึ้งมานูก้ายังอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องและชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว อีกทั้งยังมีไบโอฟลาโวนอยด์ (หรือวิตามินพี) กรดฟีนอลิก และกรดแอบไซซิกด้วยเช่นกัน
โธมัส เฮนเล (Thomas Henle) ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเดรสเดน เคยทำวิจัยน้ำผึ้งมานูก้าซึ่งเป็นสินค้านำเข้า พบว่า น้ำผึ้งทั่วไปมักจะมี MGO ในสัดส่วน 20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในขณะที่น้ำผึ้งมานูก้ามี MGO สูงถึง 800 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันมีความพิเศษและแตกต่าง
น้ำผึ้งมานูก้าถูกสร้างขึ้นเหมือนกับน้ำผึ้งธรรมดา นั่นคือ ในรวงผึ้ง และในน้ำเกสรดอกไม้นั้นยังไม่มี MGO จนกว่าสารไดไฮดรอกซีอะซีโตนที่มีอยู่ในนั้นทำการคายน้ำออกมา และค่า UMF (Unique Manuka Factor) ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อแสดงว่าฤทธิ์ต้านแบคทีเรียมีความรุนแรงเพียงใด ยิ่งค่าสูง ปฏิกิริยาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ไม่เกี่ยวกับส่วนผสมอื่นใด อย่างไรก็ตาม ระบบประเมินผลไม่สามารถเทียบได้กับค่า MGO แต่เราสามารถคำนวณได้ดังนี้…

UMF MGO
5+ 83 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
10+ 263 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
15+ 514 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
20+ 829 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ค่า MGO เป็นตัวบ่งบอกว่า จริงๆ แล้วมีเมทิลไกลออกซาลอยู่ในกระปุกน้ำผึ้งมานูก้ามากแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้สามารถพบเห็นได้บนสลาก เช่น MGO100+, MGO400+ หรือ MGO1000+ ฉะนั้น เราสามารถสรุปได้ว่า ราคาของน้ำผึ้งมานูก้าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับเมื่อค่า MGO เพิ่มขึ้น
“ในแต่ละปีมีการผลิตประมาณ 1,700 ตัน แต่มีการขายน้ำผึ้งประมาณ 10,000 ตันทั่วโลกภายใต้ชื่อน้ำผึ้งมานูก้า ดังนั้นหนึ่งในหกกระปุกเท่านั้นที่เป็นของจริง” ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเดรสเดนกล่าวเตือน และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ซื้อน้ำผึ้งปลอมเลียนแบบ เราสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ให้แน่ใจได้จากเครื่องหมายการค้า MGO+® หรือ UMF® ที่ได้รับการคุ้มครอง

อายุขัย และการเก็บถนอมน้ำผึ้งมานูก้า
น้ำผึ้งมานูก้าไม่ต่างจากผลิตภัณฑ์มาตรฐานอื่นๆ ที่มีสลากระบุวันผลิตและหมดอายุ และนั่นจะให้ข้อมูลว่ามันบรรจุขวดเมื่อใดและเก็บรักษาได้นานแค่ไหน ตามกฎเกณฑ์การควบคุมขององค์การอาหารและยา อย่างไรก็ตาม หากเก็บน้ำผึ้งมานูก้าอย่างถูกต้อง เราก็จะสามารถเก็บไว้บริโภคได้นานวันขึ้น
โดยหลักการแล้ว เราควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในที่มืดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งชนิดไหน ที่สำคัญคือ จะต้องเก็บน้ำผึ้งมานูก้าไว้ในที่เย็น ตามที่ระบุไว้ อุณหภูมิห้องควรต่ำกว่า 25 องศา แต่ไม่ได้หมายความว่าควรนำมันเข้าไปเก็บถนอมไว้ในตู้เย็น เพราะถ้าเก็บไว้ในที่เย็นเกินไปก็สามารถดึงน้ำออกได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อคุณภาพและอายุการเก็บรักษาได้

อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเย็น: เช่นเดียวกับในอาหารประเภทอื่น ในน้ำผึ้งก็มีหลายเซลล์ของยีสต์อาศัยอยู่ มันจะกินน้ำตาลและน้ำ จากนั้นแปลงเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และแอลกอฮอล์ ยิ่งมันรู้สึกสบายมากเท่าไร กระบวนการหมักก็จะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ดังนั้นถ้าน้ำผึ้งดึงดูดซับน้ำ น้ำก็จะเสียเร็วขึ้น และเราสามารถลิ้มรสได้เมื่อน้ำหวานของน้ำผึ้งเริ่มมีกลิ่นเปรี้ยว
และสิ่งควรรู้เพิ่มเติมคือ น้ำผึ้งสามารถแข็งตัวหรือตกผลึกได้เมื่อเวลาผ่านไป หากเป็นเช่นนั้นแล้วอย่าเพิ่งตกใจ นั่นไม่ใช่สัญญาณของคุณภาพที่แย่ลง แต่มันเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ