เติมความชุ่มชื่นหรือทำร้ายผิว รู้ทันส่วนผสมยอดนิยม ‘ปิโตรเลียม เจลลี่’

เชื่อว่า เกือบทุกคนต่างเคยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ‘ปิโตรเลียม เจลลี่’ (Petroleum Jelly) หรือ ‘ปิโตรลาทัม’ (Petrolatum) ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นลิปบาล์ม ครีมทาผิว ครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เรียวเล็บ ทิชชู่เปียกสำหรับทารก เมคอัพ รีมูฟเวอร์ พาราฟิน แว็กซ์ ฯลฯ แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่งานวิจัยหลายชิ้นเปิดเผยถึงอันตรายของปิโตรเลียม เจลลี่ ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและการทำงานของตับ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับปิโตรเลียม เจลลี่ กันดีกว่า หลังการค้นพบโดยบังเอิญของ Robert Augustus ในปี 1859 ที่สังเกตเห็นพนักงานในโรงกลั่นน้ำมันนิยมใช้เจลลี่เหนียว ๆ ที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบ (น้ำมันแบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ของคุณนั่นล่ะ) เพื่อช่วยสมานแผลพุพองและแผลไหม้จากการทำงาน จุดประกายให้โรเบิร์ตตัดสินใจนำส่วนผสมที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบมาทำการทดลองเพิ่มเติม จนค้นพบปิโตรเลียม เจลลี่ ที่มีฤทธิ์ครอบจักรวาล ทั้งสมานแผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง ผิวหนังแห้งคัน จนถึงล็อคความชุ่มชื่นให้ผิว

นับจากนั้น ปิโตรเลียม เจลลี่ ได้กลายเป็นส่วนผสมยอดนิยมในวงการแพทย์และผลิตภัณฑ์ความงาม ที่นำมาใช้ในการฆ่าเชื้อ ลดการระคายเคือง จนถึงเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณและริมฝีปาก ทว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งตั้งคำถามถึงความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต เพราะพวกเขาเชื่อว่า ปิโตรเลียม เจลลี่อาจเป็นสารอันตรายที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของตับ !

ปิโตรเลียม เจลลี่ ปลอดภัยจริงหรือ?

National Institute of Health (NIH) แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปิโตรเลียม เจลลี่ มีลักษณะเป็นน้ำมันใส ไม่มีกลิ่น ที่ได้จากกระบวนการกลั่นแยกออกจากน้ำมันดิบ แต่ด้วยกระบวนการย่อยสลายปิโตรเลียม เจลลี่ มีราคาสูงและมันสามารถขายได้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางหลายรายจึงนิยมนำมาใช้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์เพราะราคาถูกกว่าขี้ผึ้งธรรมชาติ แต่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

ทว่าปิโตรเลียม เจลลี่ จะสามารถใช้กับผิวได้อย่างปลอดภัย ต้องผ่านกระบวนการกลั่นบริสุทธิ์หลายครั้งและในทุกครั้งต้องมีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่า ปราศจากการปนเปื้อนหรือสารพิษตกค้างจากโลหะหนักต่าง ๆ ทางที่ดีผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม เจลลี่ ที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานด้านสุขภาพและยาระดับโลก ทั้งยังเป็นส่วนผสมอันตรายที่ NIH ห้ามรับประทานหรือดื่มเป็นอันขาด

Dr. Alan Dattner ผู้ก่อตั้ง HolisticDermatology.com กล่าวว่า “ปิโตรเลียม เจลลี่ อาจเป็นสารก่อมะเร็งได้ในบางกรณี จนคุณไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ผลิตภัณฑ์ความงามที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม เจลลี่จะปลอดสารพิษตกค้างได้อย่างไร? แม้บางแบรนด์จะอ้างว่า มันผ่านกระบวนการกลั่นบริสุทธิ์หลายครั้งแล้วก็ตาม ถึงอย่างนั้น มันก็อาจจะมีบางส่วนผสมที่ลอกเลียนแบบปิโตรเลียม เจลลี่อยู่ข้างในก็เป็นได้”

ล็อคความชุ่มชื่น VS ทำให้เกิดผดผื่นและสิวอุดตัน

จากงานวิจัยของ ดร. อลัน พบว่า “ปิโตรเลียม เจลลี่ อาจทำให้คุณรู้สึกผิวชุ่มชื่นขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริงมันทำหน้าที่เหมือนพลาสติกเคลือบบนผิวหนังทำให้ผิวหายใจไม่ออก เนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเทสู่ชั้นผิวได้ตามปกติ ทั้งยังเป็นสารกันน้ำและไม่ละลายน้ำจึงสามารถปิดกั้นการระบายออกของเหงื่อทำให้สิ่งสกปรกตกค้างบนผิว

แม้คุณจะรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจของผิวที่อ่อนนุ่มชุ่มชื่นขึ้น แต่ภายในรูขุมขนกลับแห้งกร้านและหายใจไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นชั้นผิวที่สะสมตัวหนาทำให้ยากต่อการทำความสะอาด ผมจึงไม่แนะนำให้คุณทาผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม เจลลี่

“หากต้องการหลีกเลี่ยงการเกิดสิวอุดตัน สิวผด หรือผื่นแพ้ต่าง ๆ เพราะมันทำหน้าที่กักเก็บสิ่งสกปรกและทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวและผื่นแพ้นั่นเอง”

นอกจากนี้ งานวิจัยหลายชิ้นยังเปิดเผยถึงความน่ากลัวของปิโตรเลียม เจลลี่ ซึ่งรบกวนกลไกการทำงานตามธรรมชาติของต่อมไขมันใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวชะลอกระบวนการผลิตน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติ เพราะผิวเข้าใจว่า สารเคมีตัวนี้ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากความแห้งกร้านอยู่แล้ว ในที่สุดกระบวนการผลิตน้ำมันเคลือบผิวจะเสื่อมสภาพและทำงานช้าลง สังเกตง่าย ๆ หากคุณหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ แล้วผิวแห้งทันทีที่ (หลังจากใช้มาต่อเนื่อง) เท่ากับว่า ผิวของคุณอ่อนแอลงด้วยปิโตรเลียม เจลลี่แล้วล่ะ  ทั้งยังเร่งปฏิกิริยาให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเมื่อผิวต้องเผชิญกับรังสียูวีในแสงแดด ทำให้ผิวมีริ้วรอยก่อนวัย เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และสิวอุดตันในที่สุด

“หากคุณเชื่อว่า ทุกสิ่งที่คุณทาลงบนผิวพรรณจะช่วยบำรุงและปกป้องผิวให้อ่อนเยาว์ เพราะร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทาลงบนผิวจะซึมผ่านรูขุมขนเข้าสู่ร่างกาย

ก่อนจะซึมผ่านระบบไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง หากมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายจะพยายามขับสารพิษเหล่านั้นออกทางตับ ส่งผลให้ตับทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายในอนาคต หากคุณต้องการเลี่ยงการใช้ปิโตรเลียม เจลลี่ ก็แค่เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อย่างขี้ผึ้ง น้ำมันมะพร้าว เชียบัทเทอร์ โกโก้บัทเทอร์ ที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ” ดร. อลัน ทิ้งทาย